การดูดวงถือเป็นความเชื่อที่ถูกสืบทอดต่อกันมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน แต่ละประเทศแต่ละพื้นที่เองก็จะมีความเชื่อในเรื่องต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน นั่นส่งผลให้การดูดวงจึงเปรียบได้กับการทำนายทายทักที่ถูกมองว่าจะทำให้การใช้ชีวิตดีขึ้น คนไทยเราเองด้วยความที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เรื่องของการดูดวงตามหลักโหราศาสตร์ไทยเองจึงเป็นสิ่งที่มีกันมาอย่างยาวนานแล้วด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งคนไทยจำนวนไม่น้อยก็มักนิยมชมชอบการได้มีโอกาสดูดวงตามหลักโหราศาสตร์ไทย
เรียนรู้การดูดวงตามหลักโหราศาสตร์ไทย
โหราศาสตร์ไทยถือได้ว่าเป็นศาสตร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของการทำนายโชคชะตาในอนาคต เน้นไปในเรื่องการทำนายโชคชะตาของตัวบุคคล การเกิดปรากฎการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในบ้านเมืองของเราหรือของโลกก็ตาม วิชาของโหราศาสตร์ไทยนั้นถือว่าเป็นวิชาระบบหนึ่งของหลักโหราศาสตร์ การทำนายตามหลักโหราศาสตร์ไทยจะเป็นในเรื่องของการใช้เวลาและตำแหน่งของดวงดาวต่างๆ ที่อยู่บนท้องฟ้าเป็นการผูกด้วยตั้งต้นกับการทำนาย ลักษณะแบบเดียวกับการทำนายโหราศาสตร์สากล ยูเรเนียน โหราศาสตร์ภารตะ สำหรับโหราศาสตร์ของไทยนั้นหากมองกันจริงๆ แล้วก็สามารถแบ่งออกไปได้หลากหลายแขนงมากพอสมควร อาจแบ่งในรูปของปฏิทินที่ใช้ กฎเกณฑ์ทางด้านเงื่อนไขเกี่ยวกับกรรมวิธีการทำนายของแต่ละสำนักที่ต่างกันออกไป ตามแต่ครูบาอาจารย์แต่ละคน นอกจากนี้ยังมีหลายสายวิชาที่แยกย่อยออกจากกันอีกต่างหาก
สำหรับวิธีในการคำนวณตำแหน่งดวงดาวต่างๆ ตามหลักโหราศาสตร์ไทย หรือจะเรียกว่าปฏิทินที่ใช้ในการผูกดวงมักจะมีการนิยมใช้หลักๆ 2 แบบ คือ
- ปฏิทินโหราศาสตร์ไทยสุริยยาตร์ ถือเป็นปฏิทินแบบดั้งเดิมของโหรในสมัยอดีต ถูกคำนวณมาจากคัมภีร์สุริยยาตร์ และคัมภีร์มานัตต์ ตามแนวทางของอาจารย์ทองเจือ อ่างแก้ว มีสมผุสดาว 10 ดวง
- ปฏิทินโหราศาสตร์ไทยนิรายนะวิธี จัดเป็นปฏิทินที่ถูกคำนวณตามระบบดาราศาสตร์แบบสากล นิรายนะวิธี ตัดอายนางศ์แบบลาฮารีตามแนวทางของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร มีสมผุสดาว 12 ดวง
ส่วนในเรื่องของการวางลัคนาสำหรับโหราศาสตร์ไทยนั้นก็มีอยู่ด้วยกันหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับแต่ละสำนัก แต่ละตำรา สูตรของครูบาอาจารย์ของใครของมัน ซึ่งเรื่องของกฎเกณฑ์ วิธีการใช้งานต่างๆ ก็ย่อมแตกต่างกันออกไป ซึ่งในส่วนของการทำนายปกติอาจดูไม่น่าสนใจเท่าไหร่นักจึงมักมีการใส่คำทำนายพื้นฐานเบื้องต้นให้รู้ในทุกๆ เรื่องด้วย แต่ก็ไมได้หมายความว่าจะต้องเชื่อไปเสียทุกเรื่อง แต่เราสามารถเอาเรื่องราวเหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้จะทำให้เกิดเรื่องดีๆ มากขึ้น